ศัลยกรรมเสริมคาง

Chin Surgery

ศัลยกรรมเสริมคาง

การเสริมคาง เป็นศัลยกรรมอันดับต้นๆ สำหรับคนไข้ที่อยากทำศัลยกรรมหน้าเรียว เพราะเรามีความเชื่อว่า การทำคางที่ยาวขึ้นจะทำให้รูปหน้าของเราดูดีขึ้น

เสริมคางเหมาะกับใครบ้าง

ปกติแล้วการเสริมคางนั้น เหมาะสำหรับคนที่มีใบหน้ากลม หรือมีสัดส่วนของใบหน้าไม่สมดุล โดยมีโครงหน้าส่วนบน เช่น หน้าผาก หรือโหนกแก้มที่ยื่นออกมา แต่กลับมาคางที่สั้น

การเสริมคาง จะช่วยทำให้ใบหน้าแลดูมีมิติมากขึ้น และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความรี ดูเป็นรูปไข่ ให้สอดรับกับความนิยมคนในปัจจุบัน นอกจากนี้เสริมคางยังเป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพได้อีกทางหนึ่งด้วย

การเสริมคางด้วยซิลิโคน แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้

1. เสริมคางแผลใน เป็นการลงแผลในช่องปาก บริเวณริมฝีปากล่าง เหมาะกับคนที่มีแผลเป็นนูนง่าย(คีลอยด์) หลังผ่าตัดต้องการการดูแลแผลในปากเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อจากน้ำลายหรือเศษอาหาร อาจจะทำให้การพูดหรือรับประทานอาหารลำบากหน่อยนะคะ รวมทั้งต้องใช้ความระมัดระวังมากหลังผ่าตัด เพื่อไม่ให้กระทบกระแทกจนซิลิโคนเคลื่อนผิดตำแหน่ง

2. เสริมคางแผลนอก เป็นการลงแผลใต้คาง ซ่อนแผลให้มองไม่เห็นผ่าตัดด้วยเลเซอร์ แผลขนาดเล็ก 1-2ซม. สามารถปรับรูปทรงคางได้หลายองศา แพทย์วางตำแหน่งได้แม่นยำ ชัดเจน สามารถตกแต่งผิวหนังส่วนเกินใต้คางได้ ลดโอกาสในการบิดเบี้ยวเอียง รอยแผลมักจางลงใน1-3เดือน หายเร็วขึ้นถ้าใช้ร่วมกับยาลบรอยผ่าตัดหรือเลเซอร์ลบรอยแผลเป็นค่ะ 

การเสริมคางด้วยกระดูกของตัวเอง

เป็นการตัดกระดูกคางแล้วเลื่อนกระดูกให้ขยับมาชิดกัน ทำให้ช่วงคางเรียว ลดความกว้างของคาง และสามารถแก้ไขปัญหาคางถอยหรือคางยื่นเกินไปให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ ตามความเหมาะสมของเคสนั้นๆ

การผ่าตัดเลื่อนคาง ( Sliding Genioplasty ) นอกจากจะทำให้มีคางสวยแล้ว ผลพลอยได้อีกอย่างคือ การช่วยรักษานอนกรน เนื่องจากกระดูกขากรรไกรมีส่วนเชื่อมโยงกับช่องลมระบบทางเดินหายใจ เมื่อทำการเลื่อนออกก็เหมือนการเปิดช่องลมทางเดินหายใจให้กว้างขึ้น แต่การเสริมคางด้วยวิธีนี้ก็จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เพราะเหมือนเป็นการผ่าตัดขากรรไกรล่าง และต้องใช้ทักษะศัลยแพทย์ชั้นสูงในการผ่าตัด ซึ่งไม่ใช่ศัลยแพทย์ทุกคนจะทำได้ ซึ่งจะต้องเป็นแพทย์ที่ได้ศึกษาต่อทางด้านนี้มาโดยเฉพาะเท่านั้น
ข้อดี-ข้อเสีย : การผ่าตัดเสริมคางด้วยการเลื่อนตัดกระดูกคางหรือต่อกระดูกคางด้วยกระดูกตัวเอง ธรรมชาติ ไม่มีผลข้างเคียง แต่เป็นการผ่าตัดใหญ่ ค่าใช้จ่ายสูง เป็นการผ่าตัดโดยใช้ยาสลบ ภายใต้การดูแลของวิสัญญีแพทย์

เสริมคาง เลือกแผลแบบไหนดี ??

แผลในปาก 👄

👉🏻 ได้ทรงธรรมชาติ
👉🏻 ไม่เห็นรอยแผลผ่าตัด
👉🏻 ดูแลแผลทำความสะอาดแผลยาก มีโอกาสแผลติดเชื้อสูง
👉🏻 รับประทานอาหารยาก
👉🏻 แผลหายช้ากว่าแผลนอก

แผลนอกปาก

👉🏻 ได้ทรงหน้าเรียว V shap
👉🏻 เห็นรอยแผลผ่าตัด
👉🏻 ดูแลแผลทำความสะอาดแผลง่าย มีโอกาศแผลติดเชื้อน้อย
👉🏻 รับประทานอาหารได้เลย
👉🏻 แผลหายเร็วกว่าแผลในปาก

การเสริมคางด้วยซิลิโคน

โดยการเสริมคางด้วยซิลิโคนจะมีการเปิดแผลทางภายในช่องปากและภายนอกบริเวณใต้คาง แต่ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทั้งภายในหรือภายนอกก็จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรสมบูรณ์ ในอนาคตคนไข้อาจเกิดปัญหาของเนื้อเยื่อภายใน หรือปัญหาซิลิโคนห้อยทำให้คางเบี้ยว หรือเนื้อคางดูกว้างหนา

ข้อดี-ข้อเสีย : เสริมซิลิโคน ซึ่งมักมีปัญหาภายหลัง เช่นคางห้อย คางตัด คางแหลมเกินไป มักพบปัญหาหลังการเสริมคางซิลิโคนไปแล้วช่วง 1 ปีหลังการผ่าตัด คนไข้จะเริ่มไม่พอใจกับคางตัวเอง เนื่องจากมีปัญหาคางใหญ่ยาวเกินไปหรือเบี้ยว และจะกลับมาหาทางแก้ไขอยู่เรื่อยๆ

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

1. งดบุหรี่ แอลกอฮอร์ อาหารหมักดอก อาหารทะเล อาหารรสจัด ร้อนจัด 2 สัปดาห์ก่อนตัดไหมหรือจนกว่าแผลจะหายดี
2. งดทานไขไก่ ในกรณีที่เป็นคีย์ลอยง่าย
3.ห้ามทาเบตาดีนที่บริเวณแผลเด็ดขาด
4. งดทานยาอาหารเสริม วิตามินต่างๆ หรือยาที่ทำให้เลือดไหลเวียนดี งดทานประมาณ 3 เดือน
5. นัดตัดไหม 10-14 วัน
6. ล้างหน้า บ้วนปาก แปรงฟัน ได้ตามปกติ แต่ต้องซับแผลให้แห้ง
7. ทำความสะอาดแผล เช้า เย็น ใช้น้ำเกลือเพียงอย่างเดียวในการทำความสะอาด

Gallery เสริมคาง